เยอรมนี ชนะ สกอตแลนด์! 5 ประเด็นเปิดฉากศึกยูโร 2024

1. สองดาวรุ่งสอยสถิติใหม่ทีมชาติเยอรมนี


ฟลอเรียน เวียร์ทซ์ สร้างผลงานดีมีคุณภาพให้กับทัพ "อินทรีเหล็ก" ด้วยการสอย 1 ประตูสำคัญซึ่งเป็นประตูเปิดหัวในแมตช์นี้ และยังเป็นประตูที่ทำให้เขากลายเป็นผู้เล่นอายุน้อยที่สุดทีมชาติเยอรมนี ในวัย 21 ปีกับ 42 วันในการเล่นรอบสุดท้าย ศึกยูโรด้วย 



ดุดันโดนใจ! ยูเลียน นาเกิลส์มันน์ ปลื้มฟอร์ม เยอรมนี ยำโหด สกอต์แลนด์ เปิดหัว ยูโร 2024

นัดหน้าว่ากันใหม่! แอนดี้ โรเบิร์ตสัน ชี้ สกอตแลนด์ เล่นผิดฟอร์มทำพ่าย เยอรมนี เละเปิดหัว ยูโร 2024

มูเซียล่า โคตรพลิ้ว, โครส อย่างเนียน! ตัดเกรดแข้งทีมชาติเยอรมนี ยำใหญ่ สกอตแลนด์ เปิดหัว ยูโร 2024

ยังไม่หมดแค่นั้น สตาร์ "ห้างขายยา" ไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น กลายเป็นแข้งคนที่ 3 ของ เยอรมนี ที่ยิงประตูแรกในศึกยูโร หลังจากที่ แกร์ด มุลเลอร์ ตำนานกองหน้ารุ่นปู่เคยทำได้ในปี 1972 และ คาร์ล-ไฮน์ซ รุมเมนิกเก้ อดีตดาวยิงเลือดด๊อยท์ช ทำเอาไว้ในปี 1980 


นอกจากความยอดเยี่ยมของ เวียร์ทซ์ แล้วอีกหนึ่งแข้งดาวรุ่ง "อินทรีเหล็ก" ที่ฟอร์มร้อนแรงเหลือเกินในเกมถลุง สกอตแลนด์ ก็คือ จามาล มูเซียล่า โดยเขาสร้างสถิติเป็นแข้งอายุน้อยที่สุดอันดับ 2 ที่ยิงประตูให้ประเทศด้วยวัย 21 ปีกับ 109 วัน  


2. โครส เดินหน้าล่าแชมป์ยูโร


การหวนกลับมาสวมเสื้อทีมชาติเยอรมนีอีกครั้ง หลังประกาศเลิกเล่นให้บ้านเกิดเมื่อ 4 ปีก่อน ถือเป็นเรื่องดีสำหรับทัพ "อินทรีเหล็ก" เพราะทำให้พวกเขากลายเป็นทีมที่แข็งแกร่งยิ่งขึ้น และประสบการณ์ของ โครส มีส่วนสำคัญอย่างยิ่งในเกมถล่ม สกอตแลนด์ 


โครส ประสบความสำเร็จทั้งในระดับสโมสรและทีมชาติ โดยเขาคว้าแชมป์มาแล้วทุกรายการช่วงที่เล่นให้ "เสือใต้" บาเยิร์น มิวนิค และ "ราชันชุดขาว" เรอัล มาดริด ขณะที่กับ เยอรมนี ก็ผงาดคว้าแชมป์ฟุตบอลโลก 2014 ดังนั้นเกียรติยศในศึกยูโรเป็นความสำเร็จระดับเมเจอร์รายการเดียวเท่านั้นที่เขายังไม่ได้สัมผัส


ฟอร์มของ กองกลางวัย 34 ปี ยอดเยี่ยมมากๆ โดยเขาผ่านบอลสำเร็จถึง 99 เปอร์เซนต์ (ผ่านบอลเข้าเป้า 101 จาก 102 ) ในแมตช์กับ สกอตแลนด์ ซึ่งถือว่าเป็นอัตราส่วนที่สูงที่สุดในทัวร์นาเมนต์ (นับตั้งแต่ปี 1980) ผลงานแบบนี้เป็นบทพิสูจน์ให้เห็นว่านี่คือนักเตะที่มีความสำคัญมากๆ ในแผงกองกลางเยอรมนี 


นอกจากนี้การคว้าชัยชนะในแมตช์เปิดสนามทำให้ เยอรมนี เปิดประตูกว้างในการผ่านเข้ารอบน็อกเอาต์ และเป็นแรงบันดาลใจที่ทำให้พวกเขาอาจจะก้าวไปไกลถึงการคว้าแชมป์ ซึ่งหากทำได้นั่นจะเป็นครั้งแรกในรอบกว่า 40 ปีที่เจ้าภาพได้แชมป์ยูโร เพราะก่อนหน้านี้มีเจ้าภาพ 3 ชาตเท่านั้นที่ทำได้นั่นก็คือ สเปน (1964), อิตาลี (1968) และ ฝรั่งเศส (1984) 


3. วีเออาร์ ทำงานแม่นยำ


ต้องยอมรับว่าระบบ "วีเออาร์" ในแมตช์เปิดฉาก ยูโร 2024 มีความยอดเยี่ยมอย่างมาก โดยทุกครั้งที่ใช้ระบบนี้ถือว่าไม่มีความผิดพลาด ที่สำคัญนี่เป็นครั้งแรกที่ทุกครั้งที่ใช้ระบบช่วยตัดสิน แฟนบอลจะได้รับรู้คำอธิบายระหว่างผู้ตัดสินในสนาม กับผู้ตัดสินในห้องวีเออาร์


เกมนี้ สกอตแลนด์ รอดจุดโทษโดย "วีเออาร์" ก่อนที่จะโดนอีกหนึ่งจุดโทษในภายหลัง และยังมีการแจกใบแดงให้กับ ไรอัน พอร์เชียส  นักเตะ "ตาร์ตัน" สำหรับการตัดสินใจทั้งสองครั้งถูกต้องแม่นยำ  และแฟนบอลจะเห็นได้ชัดว่าระบบนี้มีการพัฒนาขึ้นอย่างเห็นได้ชัด


นอกจากจังหวะฟาวล์ และจุดโทษที่เกิดขึ้นแล้ว การเช็คล้ำหน้าก็มีความแม่นยำเช่นกัน โดยจังหวะของ นิคลาส ฟืลล์ครุก ซึ่งลงสนามในฐานะตัวสำรอง ได้โอกาสซัดประตูที่สองของเขาในแมตช์นี้ แต่โดนปฏิเสธเพราะล้ำหน้า 


การได้เห็นเทคโนโลยีช่วยตัดสินมีความแม่นยำแบบนี้ คงทำให้แฟนบอลมีความสุขกับการชม ยูโร 2024 เพราะจังหวะที่กังขาจนอาจทำให้เกิดปัญหา น่าจะได้รับการแก้ไข และทำให้เกมฟุตบอลมีความสมบูรณ์เกือบร้อยเปอร์เซนต์


4. เสียประตูเยอะไม่ดีกับ สกอตแลนด์


สกอตแลนด์ ยกพลบุกดินแดนไส้กรอก ด้วยความความหวังจะได้ตั๋วเข้ารอบน็อกเอาต์ เนื่องจากโอกาสที่จะได้โควต้าดังกล่าวมีค่อนข้างสูง เพราะ 2 ทีมนำในแต่ละกลุ่มจะได้เข้ารอบ 16 ทีมสุดท้ายแบบอัตโนมัติ และอันดับ 3 ที่ทำผลงานได้ดีที่สุด 4 ทีมจะได้เข้ารอบด้วย


ทีมของกุนซือสตีฟ คล้าร์ก อาจต้องหาผลการแข่งขันที่ดีกว่านี้ในการสู้กับคู่แข่งชาติอื่นๆ ในกลุ่ม เอ โดยอีก 2 แมตช์ที่เหลืออยู่ของทัพ "ตาร์ตัน" นั่นก็คือการปะทะกับ สวิตเซอร์แลนด์ และ ฮังการี พวกเขาต้องเอาชนะพร้อมกับยิงประตูให้ได้เยอะที่สุด


การแพ้ทัพ "อินทรีเหล็ก" ถึง 5-1 เป็นเรื่องที่ไม่ดีเอาซะเลย เพราะนั่นทำให้พวกเขาเสียไปถึง 5 ลูก และยิงคืนแค่ประตูเดียว ส่งผลให้ตอนนี้ สกอตแลนด์ ติดลบสี่ ดังนั้นเมื่อจบการแข่งขันรอบแบ่งกลุ่ม ถ้าหากคะแนนของทุกทีมในกลุ่มเกิดเท่ากัน การจัดอันดับจะเช็คที่สกอร์แบบ เฮด ทู เฮด ก่อนผลต่างประตูได้เสีย 


สำหรับตอนนี้ คล้าร์ก มีการบ้านกองโตที่จะต้องนำไปขบคิดเพื่อแก้ปัญหา โดยเฉพาะการสร้างเกมรับให้มีความเหนียวแน่นมากขึ้น และพัฒนาเรื่องการจบสกอร์ให้เฉียบคม อย่าลืมว่าประตูเดียวที่พวกเขายิงได้ในเกมแรกมาจากการทำเข้าประตูตัวเองของ อันโตนิโอ รือดิเกอร์ กองหลังเจ้าภาพ 


ฉะนั้นถ้าดวงพาวาสนาส่งให้ สกอตแลนด์ จบอันดับ 3 ผลต่างประตูได้เสียอาจตัดสินอนาคตของทัพ "วิสกี้" ว่าจะได้เข้ารอบต่อไปหรือกลับบ้านด้วยความช้ำใจ  


5.  เกมเปิดยูโรมีครบทุกรสชาติ


การแข่งขันทัวร์นาเมนต์ชิงแชมป์แห่งชาติยุโรปเต็มไปด้วยความเข้มข้นทุกครั้ง แต่สำหรับ ยูโร 2024 มีเรื่องที่น่าตื่นเต้นอย่างมาก เพราะเป็นครั้งแรกในหน้าประวัติศาสตร์ลูกหนังชิงแชมป์ยูโรที่มีครบทุกรสชาติทั้งใบแดง, จุดโทษเป็นประตู และทำเข้าประตูตัวเอง !!!


สำหรับแฟนบอลทัพ "อินทรีเหล็ก" ต้องบอกว่าแฮปปี้ที่สุดที่ทีมรักโชว์ฟอร์มสมบูรณ์แบบด้วยการเล่นข่ม สกอตแลนด์ แบบมิดด้าม และยิงประตูได้เป็นกอบเป็นกำ โดยทั้ง 6 ประตูที่เกิดขึ้นเป็นผลงานของ เยอรมนี ทั้งหมด (5 ลูกของเจ้าภาพและอีกลูกเข้าประตูตัวเอง)


ขณะที่ทัพ "ตาร์ตัน" ต้องบันทึกสถิติที่ไม่น่าจดจำเมื่อพวกเขาเสีย 5 ประตูเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ที่แพ้ สหรัฐอเมริกา (1-5) ในเกมอุ่นเครื่องเมื่อเดือนพฤษภาคม 2012 และยังเป็นครั้งแรกในการแข่งขันยูโรรอบคัดเลือกเดือนพฤศจิกายน 2003 แพ้ เนเธอร์แลนด์ (0-6)


发表评论:

◎欢迎参与讨论,请在这里发表您的看法、交流您的观点。