1 ขุนพล "เบรฟฮาร์ต" สกอตแลนด์ กลับกลายเป็นคนละทีมจากนัดแรกที่ถูก เยอรมัน ระเบิดถังขี้เลยนะครับ
ว่าแล้วก็วิ่งสู้ฟัดพลางงัดลูกหนักมาประเคนใส่คู่แข่งที่ชื่อชั้นเหนือกว่าแบบเป็นชุดๆ
วืดฟัด ฮังการี! สตีฟ คลาร์ก หวั่น คีแรน เทียร์นีย์ เจ็บหนัก
ผลบอล : จบแบ่งแต้ม! สกอตแลนด์ นำก่อนเจ๊า สวิส ลุ้นลิ่วกันต่อนัดท้าย
ไหว-ไม่ไหว?คิลิยัน เอ็มบัปเป้ โพสต์ชวนคิดหลังจมูกแตก
ฝ่าย สวิสส์ เองก็ไม่มีเกียร์ถอยหลังเช่นกันจึงสร้างความสะเด่าไปเลยอีน้องให้ท่านผู้ชมยิ่งนัก
2. ตกลง "เขา" ยกให้ สก๊อตต์ แม็คโทมิเนย์ เป็นผู้ทำประตูให้ สกอตแลนด์ นะครับ ไม่ใช่การทำเข้าประตูตัวเองของ ฟาเบียง แชร์
ตอน "แม็คทอม" กระทุ้งตาข่ายได้ ผู้ชมทางบ้านอย่างผมเผลอกำหมัดแล้วชักขึ้น ชักลง ชักขึ้น ชักลง ชักขึ้น ชักลง ชักขึ้น ชักลง ด้วยความสะใจ
3. เมื่อขยับขึ้นไปเล่นเป็นตัวรุกด้านขวา หาใช่มิดฟิลด์ตัวกลางอย่างในเกมแรก
"มนุษย์เสาไฟฟ้า" จาก แมนฯ ยูไนเต็ด ก็ระเบิดพลังออกมาแบบเกินอุเบกขาจะทัดทาน
มิเท่านั้นยังได้แบ่งสัมปทานการเล่นลูกตั้งเตะทั้ง 'ฟรีคิก' และ 'เตะมุม' อีกตะหาก
ทันใดก็เผลออุทานออกมาในสำเนียงสก๊อตติชว่า...
"เจ๊ตเข้...นี่มันจอมทัพชัดๆ"
แถมยังทำให้นึกถึง ฟิล โจนส์ ตอนเป็นคนเตะมุมสมัยที่ หลุยส์ ฟาน กัล เป็นกุนซือปีศาจแดง 5555
4. น่าเสียดายที่ผู้เล่นทีมวิสกี้มีแต่หัวใจกับเรี่ยวแรง ไม่ค่อยมีเทคนิคกับทักษะสักเท่าไหร่
และด้วยความผิดพลาดทำให้พวกเขาเสียประตู เช่นเดียวกับแรงอย่างเดียวไม่เพียงพอจะเป็นผู้ชนะ
5. ประตูที่ เซอร์ดาน ชากีรี่ ยิงตีเสมอให้ สวิสส์ แม่งโคตรสวยแบบลากไส้อกมาเป็นขดๆ จนมีสิทธิ์ลุ้นประตูยอดเยี่ยมประจำทัวร์นาเมนต์นี้ได้เลย !!!
โบนัส แทร็ค: ด้วยฟอร์มการเล่นอันเปล่งปลั่งแบบนี้ อย่าหาว่าผมลำเอียงเลยนะครับที่จะมอบตำแหน่ง 'แมน ออฟ เดอะ แมตช์' ให้กับเขา
.
แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน
ถุยยยย !!!
